โรคสะเก็ดเงิน มีอาการเป็นเช่นไร
โรคสะเก็ดเงิน
มีอาการเป็นเช่นไร
อาการของโรคสะเก็ดเงินในแต่ละรายอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับชนิดของโรคที่ผู้ป่วยเป็น
ซึ่งลักษณะและอาการที่พบได้บ่อย เช่น มีผื่นแดงนูน เกิดการอักเสบของผิว ผิวหนังมีลักษณะแดง
ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว ผิวแห้งมาก อาจแตกและมีเลือดออก รู้สึกเจ็บ คัน
หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่เกิดผื่น เล็บมือและเท้าหนาขึ้น มีรอยบุ๋ม ผิดรูปทรง หนังศีรษะลอกเป็นขุย
ปวดข้อต่อและเกิดอาการบวม ผู้ป่วยอาจมีอาการเหล่านี้เพียงบางส่วนหรืออาจเป็นได้ทั้งหมด
โดยมักจะเกิดกับผิวหนังได้ทั่วร่าง กายตั้งแต่บริเวณเล็กๆ จนขยายไปทั่วร่างกาย
การดำเนินของโรคสะเก็ดเงินแต่ละชนิดมีความคล้ายคลึงกัน
อาการของโรคอาจคงอยู่นานหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ แล้วค่อยๆ
บรรเทาลงจนแทบไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนผิวหนัง
แต่เมื่อมีสิ่งกระตุ้นก็อาจทำให้อาการของโรคกลับมารุนแรงขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม
ในรายที่ไม่พบอาการกำเริบขึ้นมาใหม่ก็ไม่ได้แปลว่าหายจากโรคสะเก็ดเงินอย่างเด็ดขาด
แต่มักจะอยู่ในช่วงระยะสงบของโรคที่ทำให้ไม่มีอาการผิดปกติแสดงออกมา
โรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนา (Plaque psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด
อาการตอนเริ่มกำเริบใหม่ ๆ รอยโรคจะขึ้นเป็นตุ่มแดง มีขอบเขตชัดเจน และมีขุยสีขาว
(สีเงิน) อยู่ที่ผิว ต่อมารอยโรคจะค่อยๆ ขยายออกจนกลายเป็นปื้นใหญ่และหนา
และขุยสีขาวที่ผิวจะหนาตัวขึ้นจนเห็นเป็นเกล็ดสีเงิน
ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกโรคนี้ว่า “โรคเกล็ดเงิน” หรือ “สะเก็ดเงิน” ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีรอยโรคลักษณะดังกล่าวเป็นปื้นหนาๆ
ขึ้นๆ ยุบๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด ถ้าขูดเอาเกล็ดออกจะมีรอยเลือดออกซิบๆ
และเกล็ดที่ว่านี้มักจะร่วงอยู่ตามเก้าอี้หรือที่นอน
หรือร่วงเวลาถอดเสื้อหรือเดินไปไหนมาไหน
ความผิดปกติดังกล่าวอาจเกิดขึ้นที่ผิวหนังส่วนใดก็ได้
แต่มักจะพบที่หนังศีรษะและผิวหนังส่วนที่เป็นปุ่มนูนของกระดูก ที่พบได้บ่อยๆ คือ
ข้อศอก ข้อเข่า และอาจพบขึ้นที่บริเวณก้นกบ หน้าแข้ง ซึ่งรอยโรคจะมีขนาดต่างกันไป
อาจขึ้นเพียงไม่กี่ที่หรือขึ้นกระจายทั่วไปก็ได้
นอกจากนี้รอยโรคลักษณะดังกล่าวยังชอบขึ้นตามผิวหนังที่เคยได้รับบาดเจ็บหรือชอกช้ำอีกได้
เช่น รอยบาดแผล รอยขีดข่วน เป็นต้น
ในบางรายอาจมีรอยโรคภายในเยื่อบุช่องปากหรือบริเวณอวัยวะเพศก็ได้
นอกจากนี้รอยโรคดังกล่าวยังอาจก่อให้เกิดอาการคันหรือเจ็บ
และอาจดูคล้ายอาการของโรคกลาก ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้
โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มเล็ก (Guttate
psoriasis) รอยโรคจะมีลักษณะเป็นตุ่มหรือผื่นแดงขนาดเล็ก ๆ
ที่มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำ ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร
และมีขุยหรือเกล็ดเงินเล็กๆ ปกคลุม มักขึ้นตามลำตัว แขน ขา หนังศีรษะ
(รอยโรคอาจดูคล้ายผื่นกุหลาบ ซิฟิลิส ผื่นแพ้ยา) โรคสะเก็ดเงินชนิดนี้มักพบในคนอายุต่ำกว่า
30 ปี
และมักเกิดอาการขึ้นครั้งแรกหลังจากเป็นคออักเสบจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส
ผู้ป่วยอาจเกิดอาการเพียงครั้งเดียวแล้วหายขาดไปเลย หรืออาจกำเริบซ้ำๆ
โดยเฉพาะเวลามีการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular
psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้น้อย
รอยโรคมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขุ่นแบบตุ่มหนอง โดยไม่มีการติดเชื้อ (Sterile
pustule) อาจเกิดขึ้นเฉพาะที่ เช่น ฝ่ามือฝ่าเท้า
ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า หรืออาจขึ้นกระจายไปทั่วตัว
(รอยโรคอาจดูคล้ายผิวหนังอักเสบที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนพุพอง) ในระยะแรกเริ่มรอยโรคจะขึ้นเป็นผื่นแดงเจ็บก่อน
หลังจากนั้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะพุขึ้นเป็นหนอง แล้วหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่อาการอาจกำเริบซ้ำเป็นวงจร (ผื่นแดง > ตุ่มหนอง
> ตกสะเก็ด) ได้ทุกๆ 2-3 วัน หรือ 2-3
สัปดาห์ และผู้ป่วยอาจมีอาการคันมาก มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย
น้ำหนักลดร่วมด้วย
โรคสะเก็ดเงินชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว (Erythrodermic
psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุด
ผู้ป่วยอาจเป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนามาก่อน แต่ควบคุมอาการได้ไม่ดี
โดยรอยโรคจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงและมีเกล็ด คัน ปวดแสบปวดร้อน ขึ้นกระจายทั่วตัว
อาการมักกำเริบเวลามีความเครียด เกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ติดเชื้อ หรือแพ้ยา
หรือหยุดกินยาสเตียรอยด์ที่เคยกินอยู่เป็นประจำ
ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนแบบบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เช่น ภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อ
เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
โรคสะเก็ดเงินชนิดรอยพับ (Flexural
psoriasis หรือ Inverse Psoriasis) รอยโรคจะมีลักษณะเป็นรอยแดง
ผิวราบเรียบ มีขอบเขตชัดเจน และไม่มีเกล็ดเงิน มักพบขึ้นบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ใต้นม
ข้อพับต่างๆ และรอบๆ อวัยวะเพศ (รอยโรคอาจดูคล้ายโรคสังคัง โรคเชื้อราแคนดิดา)
โรคสะเก็ดเงินชนิดนี้มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
อาการจะกำเริบมากขึ้นเมื่อมีเหงื่อออกหรือมีการเสียดสี
โรคสะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar
psoriasis) เป็นโรคสะเก็ดเงินที่ขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า
และผื่นอาจพบลามขึ้นมาบริเวณหลังมือหรือหลังเท้าได้
โรคสะเก็ดเงินชนิดเกิดที่หนังศีรษะ (Scalp
psoriasis) เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน
โดยอาจมีอาการเกิดขึ้นก่อนมีผื่นตามตัว ซึ่งรอยโรคจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงหนา
มีขอบเขตชัดเจน มีเกล็ดเงินขึ้นตามแนวไรผม และบางครั้งอาจลามมาที่หน้าผาก
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผมร่วง แต่อาจจะมีอาการคัน
เวลาเกาหนังศีรษะอาจมีเกล็ดหนังร่วงเกาะตามผมและไหล่ ลักษณะคล้ายกับรังแค
โรคกลากที่ศีรษะ
โรคสะเก็ดเงินชนิดเกิดที่เล็บ (Nail
psoriasis) สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่เล็บมือและเล็บเท้า
ความผิดปกติที่เล็บมือพบได้ถึง 50% เล็บเท้าพบได้ประมาณ 35%
มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ เช่น มีจุดสีน้ำตาลใต้เล็บ เล็บขรุขระ
เล็บเป็นหลุม เล็บแยกตัวออกจากเนื้อใต้เล็บ (Onycholysis) ผิวใต้เล็บหนา
(Subungual keratosis) มักเกิดร่วมกับเนื้อเยื่อของเล็บอักเสบ
(Paronychia) ในรายที่เป็นรุนแรงเนื้อเล็บจะเปื่อยยุ่ย ถูกทำลาย
และบางครั้งผู้ป่วยอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราร่วมด้วย
จึงอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคกลากที่เล็บ หรือโรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ
ข้ออักเสบจากโรคสะเก็ดเงิน (Psoriatic
arthritis) เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 5-15% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน
ส่วนมากจะพบร่วมกับรอยโรคที่ผิวหนังเรื้อรัง
ส่วนน้อยอาจมีอาการข้ออักเสบนำมาก่อนอาการที่ผิวหนัง
โดยมักพบที่ข้อนิ้วมือนิ้วเท้ามีลักษณะปวด บวม และข้อแข็ง คล้ายโรคปวดข้อรูมาตอยด์
หากเป็นเรื้อรังจะทำให้เกิดการผิดรูปได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีการอักเสบของข้อเข่า
สะโพก และข้อกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเป็นเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้
และอาการข้ออักเสบอาจค่อยๆ รุนแรงมากขึ้นจนข้อพิการในที่สุดก็เป็นได้
............................................
เปิดสอน
หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น “สุดยอด วิธีการสร้างรายได้ พิชิตเงินล้าน”
ด้วยวิธีการเรียนออนไลน์ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ รับประกันรายได้ 70,000 บาท
เมื่อสำเร็จการศึกษา หลังจากนั้นมีรายได้อย่างต่อเนื่องแบบทวีคูณ อาจถึงหลักล้าน
ถ้าพร้อมที่จะรวยศึกษารายละเอียด คลิก https://sites.google.com/view/teachm/home


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น